ความเดิมในตอนที่แล้ว (EP.1) ฮิเดโยชิได้สร้างผลงานครั้งใหญ่เอาไว้ในศึกที่มีชื่อว่า ”ยุทธการคะเนะงาซากิ (金ヶ崎の戦い)“ โดยการรับอาสาเป็นทัพหลังให้โนบุนางะเพื่อให้เจ้านายของตัวเองกลับปราสาทได้อย่างปลอดภัยจนตัวเองเกือบจะเอาชีวิตแทบไม่รอด
เรามาติดตามเรื่องราวกันต่อว่า ฮิเดโยชิ ชายหนุ่มซึ่งเกิดมาในตระกูลต้อยต่ำคนนี้จะกลายมาเป็นผู้นำสูงสุดในญี่ปุ่นได้อย่างไร ติดตามต่อไปพร้อมๆ กันเลยครับ
ฮิเดโยชิ แม่ทัพผู้พิชิตชิโกคุ
ในปี ค.ศ. 1577 โนบุนางะได้มอบธงแม่ทัพให้กับฮิเดโยชิเพื่อที่จะบุกแคว้นชิโกคุ (四国) การบุกโจมตีชิโกคุนั้นเป็นการยึดจุดยุทธศาสตร์สำคัญที่จำเป็นต้องใช้ในการบุกเกาหลีและจีนต่อไป แคว้นชิโกคุ มีตระกูลโมริ (毛利家) เป็นผู้ปกครองแคว้น มีผู้นำตระกูลชื่อว่า “โมริ โมโตนาริ (毛利 元就)” โมโตนาริเป็นไดเมียวที่ฉลาดหลักแหลม ทั้งในด้านกลยุทธ์และการรบต่างๆ ทำให้โมโตนาริมีชื่อเสียงในฐานะผู้บัญชาการตั้งแต่อายุยังน้อย ในปีเดียวกันตระกูลโอดะกับตระกูลโมริมีการเปิดศึกกันขึ้น โดยศึกนี้มีชื่อว่า “ศึกไดอิจิจิ-คิซุงาวะงุจิ (第一次木津川口の戦い)” ในศึกนี้นั้นกองทัพเรือของตระกูลโมริเสียหายอย่างหนักทำให้ฝ่ายฮิเดโยชิได้รับชัยชนะไปอย่างงดงาม
หลังจากที่ฮิเดโยชิได้รับชัยนะอย่างงดงาม ส่งผลให้พันธมิตรต่างๆ ของตระกูลโมริยอมสวามิภักดิ์เข้ากับฝ่ายฮิเดโยชิ แต่ตระกูลโมริที่แข็งแกร่งนั้นใช่ว่าจะถูกโค่นลงได้ง่ายๆ เนื่องจากกองทัพของตระกูลโมริหนีขึ้นฝั่งและใช้ภูมิประเทศของตัวเองเป็นจุดยุทธศาสตร์ในการตั้งรับทำให้กองทัพของฮิเดโยชิยากที่จะยกพลขึ้นบก สิ่งที่ฮิเดโยชิประสบความสำเร็จอย่างหนึ่งในการบุกชิโกคุครั้งนี้ คือการตัดพันธมิตรตระกูลโมริออกไปทั้งหมด เพียงแต่ยังไม่ได้เปิดศึกชี้เป็นชี้ตายกับตระกูลโมริ
ฮิเดโยชิจึงมีแผนการบุกพิชิตปราสาททาคามัตสึ (高松城の水攻め) ซึ่งเป็นปราสาทสำคัญของตระกูลโมริ ฮิเดโยชิจึงขอความช่วยเหลือจากโนบุนางะ
แต่…ก็เกิดเรื่องไม่คาดฝันเกิดขึ้น “อาเคจิ มิตสึฮิเดะ (明智 光秀)” หนึ่งในขุนพลอาวุโสของตระกูลโอดะก่อกบฏขึ้นที่วัดฮอนโนจิ (本能寺の変) ส่งผลให้โนบุนางะเสียชีวิตลง ฮิเดโยชิจึงหาทางรีบพิชิตปราสาททาคามัตสึลงได้และรีบยกทัพมาเพื่อปราบกบฏมิตสึฮิเดะ ในศึกนี้ฮิเดโยชิเปิดศึกชี้ชะตากับมิตสึฮิเดะที่มีชื่อว่า “ศึกยามาซากิ (山崎の戦い)”
ศึกยามาซากิ
ในปีค.ศ. 1582 ทั้งสองฝ่ายตั้งทัพเพื่อเตรียมเผชิญหน้ากัน ในช่วงแรกมิตสึฮิเดะค่อนข้างได้เปรียบ ฮิเดโยชิจึงไปบัญชาการรบด้วยตัวเองจนกองทัพของมิตสึฮิเดะต้องล่าถอย และเพียงแค่ 1 สัปดาห์ฮิเดโยชิก็สามารถได้รับชัยชนะ ทำให้ฮิเดโยชิเป็นไดเมียวที่มีอำนาจสูงที่สุดในตระกูลโอดะ
หลังจากที่ฮิเดโยชิกลายเป็นไดเมียวที่มีอำนาจสูงที่สุดในตระกูลโอดะแล้ว ก็เลยเกิดการเลือกผู้สืบทอดเกิดขึ้น ในช่วงนี้ก็เลยมีไดเมียวคนหนึ่งที่มีชื่อว่า “โทกุงาวะ อิเอยาสึ (徳川家康)” คอยจ้องหาโอกาสจากจังหวะในช่วงนี้เช่นกัน โอดะ โนบุคัตสึ (織田 信雄) ลูกชายคนรองของโอดะ โนบุนางะ ได้เข้าขอความช่วยเหลือจากอิเอยาสึ ทำให้ทั้งสองคนระหว่างฮิเดโยชิและอิเอยาสึเปิดศึกกัน แต่ทั้งสองต่างเป็นคนที่มีความสามารถจึงกินกันไม่ลง จนในท้ายที่สุดทั้งสองจึงเจรจาสงบศึกต่อกัน
การขึ้นครองอำนาจของฮิเดโยชิ
ฮิเดโยชิมีนโยบาย 1 ไดเมียว 1 ปราสาท และให้ขุนพลทุกๆ คนย้ายเข้ามาอยู่ในปราสาทของไดเมียวทั้งหมด เพื่อป้องกันการซ่องสุมกำลัง และฮิเดโยชิยังให้ไดเมียวเหล่านี้ส่งทายาทของตัวเองเข้ามาในเมืองหลวงเพื่อเป็นตัวประกัน ในช่วงเวลานี้ไม่ว่าใครจะเดินทางก็ต้องขออนุญาต หากไม่ได้รับการอนุญาตก็ไม่สามารถเดินทางออกจากดินแดนของตนได้ การที่ฮิเดโยชิทำเช่นนี้ ก็เพราะว่าเพื่อเป็นการป้องกันไม่ให้มีการรวมตัวกันเพื่อก่อการกบฏหรือสร้างกองกำลังได้นั่นเอง
ฮิเดโยชิเปิดศึกท้าทายเกาหลี
หลังจากที่ฮิเดโยชิทำการรวมญี่ปุ่นได้แล้ว ฮิเดโยชิจึงบุกเกาหลีทันที ในช่วงแรกที่บุกเกาหลีนั้นได้รับชัยชนะมาตลอด จนกระทั่งรัฐบาลโชซอนของเกาหลี ได้ส่งสารขอความช่วยเหลือจากราชวงศ์หมิงของจีน เป็นเหตุให้ฮิเดโยชิต้องล้มเหลวในการบุกเกาหลีในครั้งแรก
ครั้งที่ 2 ของการบุกเกาหลีนั้น ฮิเดโยชิได้แต่งตั้ง “โคบายาคาวะ ฮิเดอากิ (小早川 秀秋)” ซึ่งเป็นไดเมียวหนุ่มคนสนิทของฮิเดโยชิขึ้นเป็นแม่ทัพในการนำกองกำลังบุกเกาหลี แต่ด้วยความด้อยประสบการณ์ของฮิเดอากิทำให้ได้รับความพ่ายแพ้ในครั้งที่ 2 เป็นเหตุให้ฮิเดโยชิเสียใจเป็นอย่างมาก ประกอบกับอาการป่วย จึงเป็นเหตุให้ฮิเดโยชิเสียชีวิตลงในเวลาต่อมา…
ฮิเดโยชิได้ทิ้งมรดกต่างๆ ไว้มากมายที่ยังคงมีอิทธิพลจวบจนถึงปัจจุบัน รวมไปถึงการจำกัดการครอบครองอาวุธของซามูไร การก่อสร้างและการบูรณะวัดหลายแห่งซึ่งยังคงปรากฏให้เห็นในเมืองเกียวโต ตลอดจนการรุกรานของญี่ปุ่นในเกาหลีช่วงปี ค.ศ. 1592–1598
และทั้งหมดนี้คือเรื่องราวความยิ่งใหญ่ของบุรุษที่มีชื่อว่า “โทโยโตมิ ฮิเดโยชิ (豊臣秀吉)” จอมทัพแห่งญี่ปุ่น
ขอบคุณภาพจาก : https://ja.wikipedia.org , https://ja.wikipedia.org , https://www.sengoku-battle-history.net