อาคิตะอินุ (秋田犬) มีต้นกำเนิดมาจากสุนัขญี่ปุ่นพื้นเมืองในจังหวัดอาคิตะทางตอนเหนือของญี่ปุ่นและมีอายุย้อนหลังไปถึง 1,000 ปี มันเป็นสายพันธุ์ใหญ่เพียงสายพันธุ์เดียวในหกสายพันธุ์ญี่ปุ่นที่ถูกกำหนดให้เป็นอนุสรณ์สถานธรรมชาติ (天然記念物) สุนัขญี่ปุ่นสายพันธุ์อาคิตะผู้มีชื่อเสียงที่โด่งดังแห่งปี ค.ศ. 1920 ชื่อว่าHachiko (忠犬ハチ公) สุนัขผู้ซื่อสัตย์และจงรักภักดีจนเป็นที่รู้จักกันอย่างกว้างขวางว่าเป็นสายพันธุ์ครอบครัวที่ซื่อสัตย์ต่อเจ้านายของพวกเขา
บรรพบุรุษของพวกเขามาจากสุนัขพันธุ์อาคิตะมาตากิ (秋田のマタギ犬) ที่เลี้ยงไว้เป็นสุนัขล่าหมีในเทือกเขาโออุ (奥羽山脈) ซึ่งเป็นเทือกเขากระดูกสันหลังที่มีความยาวรวมประมาณ 500 กม. จากภาคกลางของภูมิภาคโทโฮกุของญี่ปุ่นจากคาบสมุทรนัตสึโดมาริในจังหวัดอาโอโมริไปจนถึงเทือกเขาไทโชกุที่มีพรมแดนติดกับจังหวัดฟุกุชิมะและโทชิงิ และจัดเป็นสุนัขพันธุ์พื้นเมืองในเขตโอดาเตะทางตอนเหนือของจังหวัดอาคิตะ (秋田県の大館地方)
อาคิตะอินุ (秋田犬) คือความภาคภูมิใจของญี่ปุ่นที่ได้รับเกียรติให้เป็นสุนัขประจำชาติญี่ปุ่น ในกลุ่มสุนัขญี่ปุ่นพันธุ์แท้หกสายพันธุ์ ได้แก่ ไคเคนอินุ (甲斐犬), คิชูอินุ (紀州犬), ชิบะอินุ (柴犬), ชิโกกุอินุ (四国犬) และ ฮอกไกโดอินุ (北海道犬) ที่ต่างก็เป็นสุนัขประเภท Spitz ที่สวยงามอย่างไม่น่าเชื่อและเป็นที่รู้จักกันดีในเรื่องของความแข็งแกร่ง ความภักดี และทัศนคติที่โดดเด่น แต่อาคิตะนั้นเหนือกว่าสิ่งอื่นใดในด้านความแข็งแกร่ง พลังความกล้าหาญ ความมุ่งมั่น ความว่องไว คล่องแคล่วเป็นอิสระ และที่ยอดเยี่ยมแห่งสายพันธุ์คือความชาญฉลาดอย่างมาก ความเชื่อง ความภักดี ในฐานะสุนัขเฝ้ายามที่ชาวญี่ปุ่นยกย่องอาคิตะอินุว่าคือ“ผู้พิทักษ์ครอบครัว” เป็นแนวเกราะป้องกันภัยที่พร้อมจะสละชีวิตเพื่อป้องกันสมาชิกในครอบครัวให้ปลอดภัย เมื่อรู้อย่างนี้แล้วเพื่อนๆ คงคิดอยากได้อาคิตะสักตัวสองตัวมาร่วมเป็นสมาชิกครอบครัวกันบ้างใช่มั้ยล่ะครับบ….. ถ้างั้นเรามารู้จักพวกเขา “อาคิตะอินุ” กันให้มากขึ้นดีกว่า…..พร้อมแล้วไปกันเล้ยยย…….
อาคิตะอินุ (秋田犬) มีต้นกำเนิดมาจากบริเวณภูเขาทางตอนเหนือสุดของเกาะฮอนชูในจังหวัดอาคิตะประเทศญี่ปุ่น ก่อนที่พวกเขาจะมีชื่อสายพันธุ์อย่างเป็นทางการ พวกเขาจะถูกเรียกว่า “สุนัขหิมะ” จนกระทั่งเจ้าสุนัขหิมะแห่งจังหวัดอาคิตะในญี่ปุ่นได้สร้างชื่อเสียงเป็นที่รู้จักกันในฐานะ “สุดยอดนักล่า” จึงมีการนำเอาชื่อจังหวัด “อากิตะ” ยกให้เป็นชื่อของสายพันธุ์สุนัขพื้นเมืองนี้ โดยผู้เชี่ยวชาญเชื่อว่าสายพันธุ์นี้พัฒนามาจากสุนัขพันธุ์อาคิตะมาตากิ (秋田のマタギ犬) ซึ่งถือว่าเป็นสุนัขพื้นเมืองที่เก่าแก่ที่สุดของญี่ปุ่น ซึ่งมักจะถูกใช้ในการล่าสัตว์ใหญ่ เช่น หมีดำ หมูป่า และกวาง ต่อมาในยุคเมจิช่วงสมัยโชกุนโทคุงาวะ (ค.ศ. 1603-1868) นิยมการเพาะพันธุ์สุนัขเพื่อให้เป็นสุนัขต่อสู้เป็นหลัก ด้วยเหตุนี้ อาคิตะจึงได้รับอิทธิพลการพัฒนาผสมข้ามสายพันธุ์กับสายพันธุ์เอเชียและยุโรปอื่นๆ เช่น โตซาอินุ (土佐犬), ฮอกไกโดอินุ (北海道犬), Great Dane, Mastiff และ St. Bernard ส่งผลให้อาคิตะตกอยู่ในความตกต่ำที่เริ่มจะสูญเสียลักษณะสายพันธุ์ Spitz ดั้งเดิมของพวกเขาไป
สุนัขอาคิตะมีขนาดใหญ่และแข็งแรงกว่าสุนัขโตซา (土佐犬) จึงมักจะชนะในการต่อสู้เป็นส่วนใหญ่ นั่นเป็นสาเหตุที่ทำให้อาคิตะมักถูกเรียกว่า ShiShi Inu ตั้งแต่นั้นมาซึ่งแปลว่า “สุนัขตัวใหญ่” อย่างไรก็ตามสถานการณ์ค่อยๆ เปลี่ยนแปลงเมื่อสายพันธุ์โตซาอินุ (土佐犬) ได้รับการพัฒนาด้วยการผสมข้ามพันธุ์ระหว่างสุนัขโตซาด้วยกัน และสายพันธุ์ยุโรปขนาดใหญ่บางส่วน ต่อมาอากิตะอินุและโตซาอินุก็ผสมพันธุ์เช่นกัน สุนัขที่พัฒนาขึ้นใหม่เหล่านี้จะมีชื่อว่า ชินอาคิตะ (新秋田)
ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 สายพันธุ์นี้อยู่ในช่วงใกล้สูญพันธุ์ หนึ่งในสาเหตุหลักคือความอดอยากและการขาดแคลนอาหารที่มีคุณค่า นอกเหนือจากนั้นอาคิตะหลายตัวถูกฆ่าและกินโดยประชากรที่หิวโหย พวกเขาถูกนำมาใช้ในการสร้างเสื้อโค้ตสำหรับทหารญี่ปุ่นในช่วงสงคราม ด้วยความกลัวต่อชะตากรรมของสุนัข เจ้าของหลายคนพยายามช่วยพวกเขาโดยปล่อยพวกมันไปตามภูเขาที่ห่างไกล นี่เป็นช่วงเวลาที่เลวร้ายสำหรับอากิตะญี่ปุ่น อย่างไรก็ตามด้วยความพยายามในช่วงหลังสงครามของนายโมริเอะ ซาวาดะอิชิ และเพื่อนร่วมชาติคนอื่นๆ ที่รวบรวมสุนัขอาคิตะสายพันธุ์โบราณที่กล้าหาญจากพื้นที่ห่างไกลและเริ่มต้นลูกครอกใหม่ทำให้สายพันธุ์ได้รับการบันทึกและต่ออายุในที่สุด
หลายครั้งในช่วงประวัติศาสตร์อันยาวนานของอาคิตะสายพันธุ์ก็สั่นคลอนไปด้วยการเสี่ยงสูญพันธุ์ เพื่อให้มั่นใจถึงความอยู่รอดของอาคิตะ “สมาคมอนุรักษ์สุนัขอาคิตะ” (秋田犬保存会)” จึงถูกก่อตั้งขึ้นในปี 1927
อาคิตะอินุมีความสูงอยู่ที่ 67 ซม. สำหรับตัวผู้และ 61 ซม. สำหรับตัวเมีย (ตามมาตรฐานของ JKC) และมีร่างกายที่ใหญ่ด้วยนํ้าหนักระหว่าง 70 ถึง 130 ปอนด์ (ประมาณ 30 ถึง 60 กิโลกรัม) ซึ่งเป็นหนึ่งในสุนัขที่ใหญ่ที่สุดในโลก มีกล้ามเนื้อที่มีขนาดใหญ่ที่ถูกปกคลุมด้วยขนที่หนาซึ่งมีสีขนต่างๆ กัน เช่น สีแดง, สีขาว, สีงา และบางทีก็มีลายสีเสือแดง, เสือดำ, เสือลายหินอ่อน ยิ่งทำให้อาคิตะอินุนั้นดูตัวใหญ่ขึ้นกว่าเดิม
โดยทั่วไปเเล้วอาคิตะอินุ มีสามลักษณะหลัก ข้อแรกคือความภักดีของพวกเขานั้นร้อนแรงและพวกเขาเชื่อฟังสิ่งที่เจ้าของพูดเสมอ ประการที่สองพวกเขาฉลาดมาก จดจำสิ่งที่เจ้าของสอนได้อย่างรวดเร็ว และประการที่สามพวกเขาบางครั้งก็ก้าวร้าว ดุดัน ด้วยความรักสันโดษเเละอิสระของพวกเค้า ซึ่งอาจจะทำให้พวกเค้าระมัดระวังมนุษย์ค่อนข้างมาก เเละด้วยขนาดตัวที่ใหญ่โตของพวกเค้าก็สามารถทำให้การคำรามเเละเสียงเห่าเป็นสิ่งที่น่ากลัว ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับการฝึกเเละเลี้ยงดูอากิตะอินุตั้งเเต่พวกเค้ายังเด็กๆ เพื่อให้พวกเค้าโตมามีความประพฤติที่ดีเเละสามารถเข้าสังคมได้อย่างมีความสุข
นอกจากนี้ อาคิตะอินุ ยังเป็นสัญลักษณ์ของสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดีในญี่ปุ่น ด้วยเหตุนี้รูปปั้นอาคิตะจึงมักมอบให้กับคนป่วยและหญิงมีครรภ์แทนดอกไม้และสิ่งอื่นที่คล้ายคลึงกัน เมื่อเด็กเกิดมาผู้ปกครองมักจะได้รับตุ๊กตาอาคิตะที่บ่งบอกถึงความสุขและชีวิตที่ยืนยาวตามประเพณีญี่ปุ่นแบบเก่า ทั้งหมดนี้เป็นบทพิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าชาวญี่ปุ่นรักและนับถือสุนัขตัวนี้มากเพียงใด
ขอบคุณภาพจาก : https://primitivedogs.com , https://ja.wikipedia.org , https://ja.wikipedia.org , http://vaakitarescue.org , https://www.flickr.com , https://premierpets.forumotion.com , http://akita-forum.com