เรื่องราวของ 47 โรนิน (浪人) หรือที่รู้จักกันในภาษาญี่ปุ่นว่า “จูชินงุระ (忠臣蔵)” แปลว่า “เรื่องราวของผู้ภักดี” เป็นหนึ่งในตำนานซามูไรที่โด่งดังที่สุดในญี่ปุ่นที่มีเค้าโครงมาจากเหตุการณ์ทางประวัติศาสตร์แม้ผ่านมานานกว่า 300 ปีหลังจากเหตุการณ์จริงแล้วก็ตาม เรื่องราวของ 47 โรนินก็ยังได้รับการถ่ายทอดจากรุ่นสู่รุ่นซึ่งแสดงให้เห็นถึงจิตวิญญาณของคนญี่ปุ่นและความเป็นสังคมญี่ปุ่นมาจนถึงทุกวันนี้
เหตุการณ์การล้างแค้นของ 47 โรนินได้อุบัติขึ้นในศตวรรษที่ 18 ยุคเอโดะที่เมืองอาโกะ (赤穂事件) ตามหลักวิถีแห่งซามูไร หรือบูชิโด (武士道) เมื่อซามูไรไร้นายก็ย่อมไร้เกียรติ โดยซามูไรที่ไร้นายมีอยู่แค่สองทางเลือก คือการฆ่าตัวตายด้วยวิถีแห่งซามูไร โดยการคว้านท้องด้วยดาบสั้นที่เรียกว่า “เซ็ปปุคุ (切腹)“ หรือ “ฮะระคิริ (腹切り)” ทางเลือกที่สองคือต้องทนอยู่อย่างไร้เกียรติและศักดิ์ศรี…..เหตุของเรื่องราวการล้างแค้นครั้งนี้เกิดขึ้นหลังจากการเสียชีวิตของ อะซะโนะ นางะโนริ (浅野 長矩) ผู้เป็นไดเมียวครองแคว้นอาโกะ (赤穂藩主)……เรื่องราวจะเป็นอย่างไรไปรับชมพร้อมๆ กันเลยครับ
ในปี ค.ศ. 1701 อะซะโนะ นางะโนริ ไดเมียวหนุ่มด้วยวัย 34 ปีที่ปกครองแคว้นอาโกะ และ คาเมอิ โคเระจิกะ (亀井 茲親) ไดเมียวผู้ครองแคว้นซึวาโนะ (津和野藩) ได้รับคำสั่งให้รับรองทูตขององค์จักรพรรดิที่จัดขึ้นในปราสาทเอโดะ (江戸城)
อะซะโนะและคาเมอิ จึงต้องรับการเรียนมารยาทในการรับรองจากทูตของจักรพรรดิโดยมี คิระ โยชินะกะหรือโยชิฮิสะ (吉良 義央) ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ระดับสูงของโชกุน โทกุงาวะ สึนะโยชิ (徳川 綱吉) เป็นผู้สอนมารยาทในการรับรองให้กับไดเมียวหนุ่มทั้งสอง หลังจากที่คิระได้เจอกับไดเมียวหนุ่มทั้งสองคิระก็เกิดความไม่พอใจเนื่องจากว่า ไดเมียวทั้งสองไม่ได้จัดเตรียมของกำนัลที่ดีพอมาให้กับคิระ
อะซะโนะยังทนรับอารมณ์ของคิระได้เป็นอย่างดีและยังให้เกียรติคิระซึ่งเป็นผู้ฝึกสอนอย่างเหมาะสม แต่คาเมอิกลับเริ่มที่จะหมดความอดทน จึงมีความคิดที่จะฆ่าคิระแต่ที่ปรึกษาอาวุโสของคาเมอิได้ห้ามปรามคาเมอิไว้ เพราะถ้าหากคาเมอิลงมือสังหารคิระ หายนะครั้งใหญ่ต้องเกิดกับตระกูลคาเมอิแน่ๆ ที่ปรึกษาอาวุโสของคาเมอิจึงจัดเตรียมของกำนัลมหาศาลไปให้คิระอย่างเงียบๆ คิระจึงปฏิบัติตัวกับคาเมอิดีขึ้น แต่อย่างไรก็ตามคิระก็ยังปฏิบัติกับอะซะโนะอย่างรุนแรง ในที่สุดคิระได้ทำการดูถูกอะซะโนะด้วยถ้อยคำที่ไม่ให้เกียรติและเรียกอะซะโนะว่าเป็นพวกชนชั้นต่ำไม่รู้จักมารยาท เป็นเหตุให้อะซะโนะไม่สามารถควบคุมอารมณ์ตัวเองได้จึงได้ชักดาบสั้นที่เรียกว่า “วะกิซะชิ (脇差)” ออกมาฟันเข้าไปที่หน้าของคิระหนึ่งที เจ้าหน้าที่ที่อยู่ในบริเวณตรงนั้นจึงรีบเข้าไปห้ามทันที
ถึงแม้ว่าบาดแผลของคิระจะไม่ได้รุนแรงอะไรแต่การใช้อาวุธในที่พักขององค์จักรพรรดิถือเป็นเรื่องร้ายแรงโดยที่อะซะโนะถูกตัดสินโทษประหารชีวิตด้วยการทำเซ็ปปุคุหรือการคว้านท้องตัวเอง จึงเป็นเหตุให้ซามุไรผู้ติดตามอะซะโนะกลายเป็นซามูไรผู้ไร้นายหรือที่เรียกว่า “โรนิน (浪人)”
เริ่มต้น 47 โรนิน
บรรดาซามูไร 371 คนของอะซะโนะ มีซามูไร 47 คนที่ไม่ยอมให้นายตัวเองตายอย่างสูญเปล่าโดยปราศจากการแก้แค้น ซามูไรทั้ง 47 คนจึงเริ่มต้นจากการสาบานด้วยเลือดกันอย่างลับๆ ที่จะฆ่าคิระ ถึงแม้พวกเขาจะรู้ว่าจะได้รับโทษสูงสุดคือการประหารชีวิตก็ตาม
คิระรู้ว่าลูกน้องของอะซะโนะต้องแก้แค้นเป็นอย่างแน่ คิระจึงจัดกำลังป้องกันความปลอดภัยให้ตัวเองอย่างเหนียวแน่น โรนินทั้ง 47 คนจึงพากันแยกย้ายไปทำอย่างอื่นเพื่อตบตาคิระ บ้างก็ไปเป็นพ่อค้า บางคนก็บวชเป็นพระ แต่มีอยู่คนหนึ่งซึ่งเป็นหัวหน้าของกลุ่ม 47 โรนิน มีชื่อว่า โออิชิ โยชิโอะ (大石 良雄) ได้ไปอาศัยอยู่ที่เมืองเกียวโตและทำตัวสำมะเลเทเมาเข้าซ่องโสเภณีและร้านเหล้าเป็นประจำ ทั้งหมดนี้ที่โออิชิทำก็เพื่อตบตาคนของคิระให้ตายใจ
เมื่อผ่านไปปีครึ่งคิระเห็นว่าลูกน้องของอะซะโนะแต่ละคนหมดศักยภาพในการที่จะมาแก้แค้นให้กับผู้เป็นนาย คิระจึงลดการป้องกันลง เหล่าโรนินต่างๆ ที่เคยไปเป็นพ่อค้าจึงลอบเข้าไปทำงานในเอโดะและคอยสังเกตุการณ์คฤหาสน์ของคิระและมีคนหนึ่งในกลุ่มโรนิน ลงทุนไปแต่งงานกับลูกสาวของคนที่สร้างคฤหาสน์ให้กับคิระเพื่อให้รู้ข้อมูลของที่พักอาศัยของคิระทั้งหมด หลังจากที่รวบรวมข้อมูลได้ครบแล้ว 47 โรนินจึงจัดเตรียมอาวุธเพื่อบุกเข้าไปสังหารคิระ
การบุกคฤหาสน์และการตายของคิระ
ผ่านมาเกือบ 2 ปี หลังจากที่กลุ่มโรนินได้ข้อมูลครบถ้วนและมั่นใจว่าคิระลดการป้องกันลง กลุ่มโรนินจึงวางแผนบุกโจมตีคฤหาสน์ของคิระ ด้วยวิธีการแบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม กลุ่มแรกบุกทางด้านหน้า และกลุ่มที่สองบุกเข้าด้านหลังโดยโจมตีพร้อมกัน
การต่อสู้ภายในคฤหาสน์ของคิระเป็นไปอย่างดุเดือด จนทำให้คิระรู้สึกหวาดกลัวและรีบหนีออกไป แต่โออิชิไปจับที่นอนของคิระแล้วยังรู้สึกอุ่นๆ อยู่เลย จึงคิดว่าคิระยังหนีไปได้ไม่ไกล…….คิระได้หลบหนีเข้าไปอยู่ในโรงเก็บฟืนและถูกกลุ่มโรนินจับตัวไว้ได้ โออิชิจึงให้โอกาสคิระในการทำเซ็ปปุคุหรือการฆ่าตัวตายอย่างสมเกียรติแต่คิระยังคงหวาดกลัวและไม่กล้าทำ โออิชิจึงตัดสินใจตัดหัวของคิระโดยทันที
หลังจากคิระตายแล้ว กลุ่มโรนินทั้ง 47 คน ตั้งใจไว้ว่าจะตัดหัวของคิระไปเซ่นไหว้หลุมศพเจ้านายตัวเองที่สุสานและก็จะมอบตัวเพื่อรับโทษต่อไป กลุ่มโรนินจึงนำหัวของคิระไปที่วัดเซ็นงะคุจิ (泉岳寺) ที่อยู่ห่างออกไป 10 กิโลเมตรด้วยการเดินเท้า พอไปถึงก็ทำการล้างทำความสะอาดหัวของคิระและนำไปเซ่นไหว้ที่หลุมศพของอะซะโนะ อีกทั้งกลุ่มโรนินทั้ง 47 คนยังได้นำทรัพย์สินส่วนตัวบริจาคให้กับวัดและร้องขอให้เจ้าอาวาสวัดฝัง 47 โรนินให้อย่างเหมาะสมเคียงข้างนายของตัวเอง หลังจากนั้นจึงเข้ามอบตัว
หลังจากที่โชกุน โทกุงาวะ สึนะโยชิ ได้รับรู้เรื่องแล้ว ก็รู้สึกลำบากใจในการลงโทษ เนื่องจาก 47 โรนินได้ทำตามหลักแห่งวิถีซามูไรหรือบูชิโด แต่ด้วยความผิดที่ฆ่าคิระ โชกุนจึงให้ 47 โรนินทำเซ็ปปุคุหรือการฆ่าตัวตายอย่างสมเกียรติ เพราะว่าการทำเซ็ปปุคุมีเกียรติกว่าการประหารชีวิตเยี่ยงนักโทษ
เมื่อวันที่ 4 กุมภาพันธ์ ปีค.ศ. 1703 โรนินทั้ง 47 คนถูกแบ่งออกเป็นสี่กลุ่มและส่งมอบให้กับไดเมียวสี่คนซึ่งได้รับคำสั่งให้ดูแลและเป็นสักขีพยานการเสียชีวิตด้วยการทำเซ็ปปุคุอย่างสมเกียรติของพวกเขา
ต่อมาโชกุนได้อนุญาตให้น้องชายของอะซะโนะ ก่อตั้งตระกูลขึ้นมาใหม่…..การกระทำในครั้งนี้ของ 47 โรนินไม่ได้เพียงเป็นการแก้แค้นให้กับเจ้านายของตน แต่ยังเป็นการรักษาเกียรติยศของตระกูลอะซะโนะไว้อีกด้วย
เรื่องราวของพวกเขาคือการแสดงออกที่ชัดเจนที่สุดของ “บูชิโด (武士道)” และแสดงถึงแก่นแท้ของจิตวิญญาณซามูไรที่มุ่งมั่นในหน้าที่ ความภักดี และความผูกพันอันทรงพลังที่มีอยู่ระหว่างผู้รักษาและนายของพวกเขา คุณค่าเหล่านี้ย่อมสะท้อนถึงอุดมคติหรือจิตวิญญาณที่ส่งผ่านรุ่นแล้วรุ่นเล่าให้กับคนญี่ปุ่น
เรื่องราวของ 47 โรนิน แห่งอาโกะ จะไม่มีวันสูญสลายและเหมือนกับที่คนญี่ปุ่นบางคนพูดว่า “การรู้เรื่องราวของ 47 โรนิน คือการรู้จักญี่ปุ่น” นั่นเอง
ขอบคุณรูปภาพจาก : https://doope.jp , https://urbanlife.tokyo , https://ja.wikipedia.org , https://www.thekaratelifestyle.com , http://www.aibajio.jp , https://en.wikipedia.org , https://www.pinterest.com , https://www.britannica.com ,